" อะโวคาโด " ถึงแม้จะดูจากชื่อแล้วไม่ใช่ผลไม้เมืองไทย และอาจพบว่ามีราคาสูงกว่าผลไม้ไทยทั่วไปเล็กน้อย แต่หากดูที่สรรพคุณแล้วจะเห็นได้อย่างชัดเจนว่าคุ้มค่าคุ้มราคาทุกบาททุกสตางค์จริงๆ Sanook! Health นำสารพัดประโยชน์ และทิปส์เล็กๆ น้อยๆ ในการทานอะโวคาโดจากรายการ Did You Know? มาฝากกันค่ะ อะโวคาโด มีลักษณะอย่างไร?
8 มิลลิกรัม/เดซิลิตร ไขมันเลว 16. 5 LDL มิลลิกรัม/เดซิลิตร และไตรกลีเซอไรด์ 27.
1. ผ่าครึ่ง โดยใช้มีดกดตามแนวยาว จนมีดติดเมล็ด แล้วดันมีดออกไปรอบๆ 2. ใช้มือบิดอะโวคาโดให้เนื้อหลุดออกจากกัน 3. ใช้มีดสับบนเมล็ดเบาๆ ให้มีดติดเมล็ด แล้วบิดมีดให้เมล็ดหลุดติดมีดออกมา 4. ผ่าครึ่งเนื้ออะโวคาโดอีกครั้ง 5. ใช้มือดึงเปลือกอะโวคาโดออกมา แทนการใช้ช้อนขูด เก็บอะโวคาโดอย่างไร ไม่ให้ดำ? อะโวคาโดก็เหมือนผลไม้หลายๆ ชนิด ที่ถึงแม้จะเก็บไว้ในตู้เย็น ก็อาจทำให้สีของเนื้อเปลี่ยนไปเป็นสีน้ำตาล เพราะเนื้อผลไม้จะเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชั่น ที่เกิดจากสารประกอบที่อยู่ในอะโวคาโดที่เรียกว่า ฟินอล เจอกับอากาศ กลายเป็นสารประกอบที่มีชื่อว่า ควิโนน เมื่อควิโนนจับตัวกันเป็นโพลีเมอร์ที่มีโมเลกุลใหญ่ขึ้น ก็จะเกิดเป็นเม็ดสีที่เรียกว่า เมลานิน นั่นเอง อโวคาโด วิธีเก็บอะโวคาโดไม่ให้เปลี่ยนเป็นสีคล้ำ ทำได้ดังนี้ 1. บีบมะนาวลงไปเคลือบบนเนื้ออะโวคาโดให้ทั่ว 2. นำไปใส่กล่อง หรือถุงเก็บสุญญากาศ แล้วแช่ตู้เย็น ข้อควรระวังในการทานอะโวคาโด อย่าทานเกินวันละ 1 ลูก เพราะเป็นอาหารที่ให้พลังงานสูง หลายคนเลือกทานอะโวคาโดในช่วงที่่ต้องการควบคุมน้ำหนัก จะลองทานดูบ้างก็ได้นะคะ แต่อย่าทานมากเกินไป เพราะนอกจากพลังงานสูงแล้ว ราคายังไม่เป็นมิตรมากเท่าไรนะ